amazon

วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557

น้ำผึ้ง : ยาสมานแผลชั้นเลิศ





น้ำผึ้ง : ยาสมานแผลชั้นเลิศ
น้ำผึ้งเป็นน้ำตาลเข้มข้น (แบบน้ำเชื่อม) โดยที่น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ จะให้พลังงาน 64 แคลอรี ขณะที่น้ำตาลทรายให้เพียง 46 แคลอรี ดังนั้นหมอจะห้ามคนไข้เบาหวานกินน้ำผึ้ง เพราะจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงได้มากกว่าการกินน้ำตาล และคนทั่วไปควรกินแต่พอเหมาะ ถ้ากินมากไป อาจทำให้น้ำหนักขึ้นแบบเดียวกับน้ำตาลได้

สรรพคุณทางยา ที่ใช้แก้ไอและรักษาแผล
1. ใช้จิบแก้ไอ
โดยการผสมน้ำผึ้ง 3-4 ส่วน กับน้ำมะนาว 1 ส่วน ควรเคี่ยวน้ำผึ้งบนเตาไฟให้เดือด ก่อน เมื่อปล่อยให้เย็นแล้ว ค่อยเติม น้ำมะนาวลงไป สามารถเก็บใส่ขวด แบ่งจิบแก้ไอได้บ่อยๆ เหมาะสำหรับคนทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก และผู้ที่มีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย นอกจากใช้แก้ไอแล้ว ยังให้พลังงานแก่ร่างกายแทนข้าวได้อีกด้วย

2. ใช้รักษาแผล
ทั้งแผลสดและแผลเปื่อย (เรื้อรัง) โดยการทำแผลให้สะอาด เช่น ถ้าเป็นแผลสด หากมีดินทรายเปรอะเปื้อน แรกสุดให้ฟอกล้างด้วยน้ำกับสบู่ให้เศษดินทรายออกเสียก่อน ใช้สำลีหรือผ้ากอซ เช็ดแผลให้แห้ง แล้วใช้น้ำผึ้งทาลงบนเนื้อแผล ปิดด้วยผ้ากอซ วันต่อไปเปิดทำแผลรอบใหม่ ให้ใช้น้ำเกลือหรือน้ำสุกชะเนื้อแผล (ไม่ควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ โพวิโดนไอโอดีน ชะถูกเนื้อแผล แต่อนุโลมให้ชะบนผิวหนังรอบๆ แผลได้ ทั้งนี้ เพราะน้ำยาเหล่านี้จะทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อในแผล อาจทำให้แผลหายช้าได้) แล้วใช้น้ำผึ้งทาบนเนื้อแผลแล้วปิดด้วยผ้ากอซ ทำแผลวันละ 1-2 ครั้ง จะสังเกตว่าเนื้อแผลจะแดง ไม่มีหนองหรือการติดเชื้อ และเซลล์ผิวหนังจะงอกจากขอบแผลเข้า มาปกคลุมเนื้อแผลในเวลาไม่กี่วัน

สำหรับแผลเปื่อย หรือมีคราบหนอง (เช่น แผลเบาหวาน แผลจากแรงกดทับ แผลเรื้อรังอื่นๆ) การทำ แผลควรหาทางเอาคราบหนองออกเสียก่อน (เช่น ใช้ไม้พันสำลี หรือผ้ากอซ ชุบน้ำเกลือหรือน้ำสุก ขูดหรือเขี่ยเอาคราบหนองออก) แล้วทาแผลด้วยน้ำผึ้งให้ชุ่ม แล้วใช้ผ้ากอซปิด ในระยะแรกควรทำแผลวันละ 2 ครั้ง เมื่อเนื้อแผลเริ่มแดงและแห้งดีจึงค่อยลดเหลือ 1 ครั้ง เมื่อแผลสะอาด (ไม่มีคราบหนอง เนื้อแผลแดง หรือมีเลือดซิบ) ก็จะมีเซลล์ผิวหนังงอก จากขอบแผล ค่อยๆ เข้ามาปกคลุมเนื้อแผล


เหตุผลที่น้ำผึ้งมีสรรพคุณสมานแผลได้ดี ก็เนื่องมาจากความเข้มข้นของน้ำผึ้ง จะทำให้เชื้อโรคฝ่อตาย ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า สิ่งที่มีความเข้มข้นกว่า (เช่น น้ำผึ้ง) จะดูดสารน้ำจากสิ่งที่เข้มข้นน้อยกว่า (เช่น เชื้อโรค)

หากไม่สามารถหาน้ำผึ้งหรือต้องการประหยัด ก็สามารถใช้น้ำเชื่อมเข้มข้นแทนได้ ซึ่งก็เคยมีงานวิจัยยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้วเช่นกัน โดยใช้น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม ผสมน้ำ 1 ลิตร เคี่ยวบนเตาไฟ จนเป็นน้ำเชื่อมเข้มข้น ใส่ขวด เก็บในตู้เย็น เมื่อต้องการก็นำออกมาใช้เป็นครั้งคราว ก็นับว่าสะดวกและราคาถูกดี

สมุนไพรแก้แพ้อักเสบ แมลงสัตว์กัดต่อย




สมุนไพรแก้แพ้อักเสบ แมลงสัตว์กัดต่อย

(1) ตำลึง ใช้ใบสด 1 กำมือ ตำแล้วคั้นเอาน้ำ ทาบริเวณที่เป็น 

(2) ขมิ้นชัน ใช้เหง้ายาวประมาณ 2 นิ้ว ฝนกับน้ำต้มสุก ทาบริเวณที่เป็น 

(3) พลู ใช้ใบสด 1-2 ใบ ตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าขาวทาบริเวณที่เป็น 

(4) เสลดพังพอน (ตัวผู้หรือเมีย) ใช้ใบสด 1 กำมือ ตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำ ทาบริเวณที่เป็น หรือตำผสมเหล้าเล็กน้อยก็ได้ 

สมุนไพรแก้งูสวัดและเริม



สมุนไพรแก้งูสวัดและเริม

(1) ไมยราบ ใช้ใบตำให้ละเอียดผสมเหล้า แล้วคั้นเอาน้ำ ทาวันละ 3-4 ครั้ง 

(2) เสลดพังพอนตัวเมีย ใช้ใบตำให้ละเอียด ผสมเหล้าพอเหลวข้นๆ พอก, ควรใส่เหล้าเมื่อยา เริ่มแห้ง พอกไว้ตลอดเวลา เปลี่ยนยา วันละ 2-4 ครั้ง 

(3) ฟ้าทะลายโจร ใช้ใบตำพอกเช่นเดียวกับใบเสลดพังพอนตัวเมีย

สมุนไพรแก้พิษแมงกะพรุนไฟ




สมุนไพรแก้พิษแมงกะพรุนไฟ

1.ผักบุ้งทะเล ใช้ใบผักบุ้งทะเลขยี้เอาน้ำ ทาให้เปียกอยู่เสมอ

2.ฟัก เอาไส้ในจากผลฟักพอก เปลี่ยนยาวันละ 2-4 ครั้ง

3.ว่านหางจระเข้ ใช้วุ้นจากใบทาบ่อยๆ

สมุนไพรแก้ปวดฟัน



สมุนไพรแก้ปวดฟัน

1.กานพลู ใช้กานพลูตำพอแหลก ผสมกับเหล้าขาวเพียงเล็กน้อยพอเละ ใช้จิ้มหรืออุดฟันที่ปวด โดยใช้สำลีพันปลายไม้จิ้มฟัน ชุบน้ำมันกานพลู ทาบริเวณเหงือก และจิ้มลงไปในรูฟันซี่ที่ปวด จะทำให้อาการปวดค่อยยังชั่วขึ้น

2.ผักคราดหัวแหวน นำก้านสด (ก้านช่อดอก) มาเคี้ยวตรงบริเวณฟันที่ปวด เพื่อให้น้ำจากก้านช่อดอกซึมเข้าไปในฟันที่ปวด จะทำให้รู้สึกชา ระงับอาการปวดฟันได้ดี ถ้าฟันซี่ที่ปวดผุเป็นรู ให้ใช้วิธีตำ หรือขยี้ก้านช่อดอกให้เละ แล้วนำไปอุดรูฟันซี่ที่ปวด สักครู่จะรู้สึกชาและหายปวดได้

สมุนไพรแก้ผื่นคัน




สมุนไพรแก้ผื่นคัน

1.ขมิ้นชัน ใช้เหง้าขมิ้นมาทำให้แห้ง ป่นให้เป็นผงละเอียด ใช้ทาตามบริเวณที่เป็นเม็ดผื่นคัน โดยเฉพาะในเด็กจะนิยมใช้กันมาก

2.ตำลึง ใช้ใบสด 1 กำมือ (ใช้มากน้อยตามบริเวณที่มีอาการ) ล้างให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมน้ำเล็กน้อย แล้วคั้นน้ำจากใบ เอามาทาบริเวณที่มีอาการ พอน้ำแห้งแล้วทาซ้ำบ่อยๆ จนกว่าจะหาย

3.สำมะงา ใช้กิ่ง 3-4 กำมือ สับเป็นท่อนๆ ต้มน้ำอาบ

4.เสลดพังพอน ใช้ใบสด 1 กำมือ ตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำทาบริเวณที่เป็น หรือตำผสมเหล้าเล็กน้อยก็ดี

5.เหงือกปลาหมอ เอาต้นเหงือกปลาหมอทั้งราก สดหรือแห้งก็ได้ สับเป็นท่อนเล็กๆ 1 ขีด ผสมกับน้ำ 3-4 ขัน ต้มให้เดือด 10 นาที ทิ้งไว้ให้เย็นลง อาบน้ำ ฟอกสบู่ให้สะอาด แล้วจึงอาบน้ำยาที่ยังอุ่นๆ อยู่วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3-4 ขัน (อาบน้ำยาแล้วไม่ต้องอาบน้ำธรรมดาอีก)

พวงชมพู




พวงชมพู : หัวใจดวงน้อยสีชมพู
ไม้เถาขนาดเล็กเลื้อยทอดยอด ดอกออกเป็นช่อใหญ่ ประกอบด้วยดอกเล็กๆ อยู่มากมาย แต่ละดอกมีกลีบสีชมพู รูปร่างคล้ายหัวใจดวงน้อยๆ เมื่อกลีบมีอายุมากขึ้นสีชมพูจะจางลงจนเกือบเป็นสีขาว ดอกบอบบางและร่วงหล่นได้ง่าย พวงชมพูออกดอกได้ตลอดปี เป็นไม้ประดับที่งดงาม ใช้คลุมซุ้มที่นั่ง ให้ร่มเงา หรือขึ้นคลุมต้นไม้ นอกจากนี้ยังนำมากินเป็นผักได้อีกด้วย โดยใช้ยอดอ่อนและช่อดอกที่ยังไม่บานเต็มที่ อาจนำมาลวกให้สุกเป็นผักจิ้ม หรือชุบแป้งทอดก็ได้ 

พู่ระหง





พู่ระหง : ดอกไม้แห่งศักดิ์ศรีจากพญาหงส์
ชื่อเรียกอื่นๆ ของพู่ระหง คือ พู่เรือหงส์ พู่ระโหง (กลาง) หางหงส์ (เหนือ) และชุมบาห้อย (ปัตตานี) เป็นไม้ที่ปลูกง่าย แข็งแรง ทนทาน โตเร็ว ขึ้นในดินทุกชนิด ชอบแดดจัด ต้องการน้ำพอประมาณ ขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยการตัดกิ่งปักชำลงแปลงปลูกโดยตรงดอกเป็นดอกเดี่ยวออกตามส่วนยอดของกิ่ง ครั้งละหลายดอก แต่ทยอยกันบานติดต่อไป ให้ดอกงดงาม ตลอดปี และยังถือเป็นไม้มงคลอย่างหนึ่งอีกด้วย เพราะเกี่ยวข้อง กับเรือสุพรรณหงส์นั่นเองทำให้มีความเชื่อว่าบ้านใดปลูกพู่ระหงเป็นรั้วบ้านจะประสบสิ่งสิริมงคล และมีฐานะดีเป็นเศรษฐีได้

ประโยชน์ของพู่ระหง
- คนไทยสมัยก่อนนิยมนำดอกพู่ระหงมาสระผม เช่นเดียวกับดอกอัญชัน และผลมะกรูดย่างไฟ เชื่อกันว่าทำให้ผมดกดำ และไม่ร่วงหรือแตกปลาย เป็นต้น
- รากของพู่ระหงนิยมนำมาเผาไฟใช้ในการทำน้ำตาลเมาหรือเหล้า เชื่อว่าทำให้ได้น้ำตาลเมาหรือเหล้าที่มีคุณภาพสูง และแรงขึ้น (ดีกรีเพิ่มขึ้น)

หมากหลอด




หมากหลอด
ชื่ออื่นๆ : สลอด, สลอดต้น, หมากทาง, หมากยอง, มะข่าง, มะคัง, มะหลอด, ส้มหลอด, มะตอด ฯลฯ ผลไม้พื้นบ้าน พบมากบริเวณพื้นที่มีภูเขาล้อมรอบ บริเวณที่มีความชื้นสูง ตามทุ่งนาหรือปลูกกันตามบ้านเรือนชนบท ผลดิบส้มตำ แกงส้ม ผลสุกใช้บริโภคสด และแปรรูปเป็นผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม และที่นิยมในขณะนี้คือทำไวน

หมากหลอดมีสารโพลีฟีนอล ที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายได้ ขับสารที่ไม่พึงประสงค์ และในตัวหมากหลอดยังมีวิตามินเอ มากที่สุด รองลงมาคือ วิตามินอี วิตามินซี และยังมีสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะมีประโยชน์ มีผลดีต่อสุขภาพแก่ผู้สูงอายุมาก มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์สูง มีเกลือแร่ และมีกรดไขมันดูดซับไขมันได้ดี

สรรพคุณ
ยาพื้นบ้านล้านนาใช้เนื้อในเมล็ดผสมเหง้าสับปะรด 7 แว่นกับสารส้มขนาดเท่าหัวแม่มือ ต้มแล้วนำน้ำมาดื่มแก้โรคนิ่ว รากใช้ผสมรากเติ่ง แช่เหล้าที่ทำจากข้าวเหนียวตำ กินแก้ปวดกระดูกปวดหัว เข่าเดินไม่ได้ ดอกและผลกินเป็นยาสมาน คุมธาตุ ใบกินบำรุงเนื้อหนังให้สมบูรณ์ ผลใช้แก้คลื่นเหียนอาเจียน เถาใช้แก้ไข้พิษ เปลือกต้นใช้ขับเสมหะ ดอกใช้แก้ริดสีดวงจมูก แก้ปวดศรีษะ แก้โรคตา

ดอกโสนบ้านนา



ดอกโสนบ้านนา : บำรุงสมอง บำรุงเลือด

ต้นโสนเป็นต้นไม้ล้มลุกพื้นบ้าน ชอบขึ้นอยู่ริมหนอง คลองบึง ขึ้นเองตามธรรมชาติ เมนูสุดฮิตได้แก่ ดอกโสนผัดหรือลวกจิ้มกับน้ำพริกกะปิ ไข่เจียวใส่ดอกโสน ขนมดอกโสน แกงส้มก็ได้ 

สรรพคุณ : บำรุงกระดูก บำรุงสมอง บำรุงเลือด แก้พิษร้อน ถอนพิษไข้ 

ผักแขยง




ผักแขยง : มีดีมากกว่าความหอม
ชื่อเรียกตามภาษาถิ่น เช่น กะออม กะแยง คะแยง ฯลฯ ผักพื้นบ้านที่ทานได้ทั้งต้น เช่น จิ้มร่วมกับน้ำพริก ลาบ ซุบหน่อไม้ หรือใส่ปรุงรสแต่งกลิ่น ช่วยดับกลิ่นคาว ให้อาหารมีกลิ่นหอมขึ้น 

สรรพคุณ : ช่วยลดไข้ แก้คัน ฝี และกลาก เป็นยาระบายอ่อนๆ บรรเทาปวดประจำเดือน และช่วยสมานแผล 

มะยม





มะยม : ลดคอเลสเตอรอล ต้านเซลล์มะเร็ง
มะยมไม้ผลพื้นบ้านริมรั้ว รากใช้แก้โรคผิวหนัง ประดง เม็ดผื่นคัน ขับน้ำเหลืองให้แห้ง ใบนำไปปรุงเป็นยาเขียว ใช้ดับพิษไข้ หรือใช้ต้มน้ำอาบแก้พิษคัน พิษไข้หัดดำแดง สุกใส ฝีดาษ ผลมีสารต้านเซลล์มะเร็ง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล จึงลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด บรรเทาคลื่นไส้อาเจียน 

มะแว้งเครือ



มะแว้งเครือ : แก้ไอขับเสมหะ
ไม้เลื้อยขนาดเล็ก อาศัยเลื้อยพาดไปตามพื้นดิน หรือค้างต่างๆ เช่น รั้ว และต้นไม้อื่นๆ ดอกคล้ายช่อมะเขือ ผลสุกสีแสดและแดงสดใส

สรรพคุณทางยา แก้ไอ ขับเสมหะ ลดไข้ ขับปัสสาวะ บำรุงน้ำดี แก้โลหิตออกทางทวารหนัก และแก้โรคหอบหืด โดยการเอาผลแก่สดมา 5-10 ผลโขลกพอแหลก คั้นเอาแต่น้ำใส่เกลือเล็กน้อย รับประทานบ่อยๆ หรืออาจจะให้ผลสดล้างให้สะอาดเคี้ยวกลืนทั้งน้ำจนกว่าอาการจะดีขึ้น 

ขนมจีนน้ำยา



ขนมจีนน้ำยา
ถือว่าเป็นอาหารไทยที่มีมานานแล้ว โดยพบว่ามีสถานที่คือ คลองขนมจีนและคลองน้ำยา อยู่ที่อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงสันนิษฐานได้ว่าคนไทยน่าจะรู้จักกินขนมจีนน้ำยาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา การกินขนมจีนจะให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ควรกินผักเครื่องเคียงมากๆ หรือจะเพิ่มลูกชิ้นปลาด้วยก็ได้ 

มังกรคาบแก้ว



มังกรคาบแก้ว
นิยมปลูกเป็นไม้ประดับเพราะเป็นต้นไม้ที่ออกดอกเก่ง สีสันสดใสตลอดปี นิยมปลูกในบ้านเหมือนมีมังกรคุ้มครอง และยังนำมาซึ่งโชคลาภได้ทั้งแก้วแหวนเงินทอง ดอกมีหลายสี เช่น ขาว ม่วง ขาวอมชมพู ฯลฯ ปลูกไม่ยาก ขอให้เป็นดินร่วน ระบายน้ำดี แสงแดดปานกลางถึงร่มรำไร ให้น้ำปานกลาง ต้นมังกรคาบแก้ว มีชื่อเรียกที่เป็นมงคลอีกชื่อคือ "พวงเงินพวงทอง"

พุทธรักษา





พุทธรักษา : แก้ประจำเดือนมาไม่หยุด
สรรพคุณทางยา : ลำต้นใต้ดิน (เหง้า) ใช้แก้โรคตับอักเสบ (โรคดีซ่าน) รักษาอาการบวมของไต อาการอักเสบ ขับปัสสาวะ บิดเรื้อรัง อาเจียนเป็นเลือด ประจำเดือนมาไม่หยุด ตกขาว ประจำเดือนไม่ปกติ และแผลบวมอักเสบ หมอพื้นบ้านนำหัวพุทธรักษามาต้มกิน บำรุงปอด แก้อาเจียน หรือไอเป็นเลือด บางครั้งนำดอกมาใช้ห้ามเลือด รักษาแผลที่มีหนอง เมล็ดใช้บดแก้ปวดศีรษะ ดอกมีรสฝาด ใช้ห้ามเลือดในบาดแผลสดและบาดแผลมีหนอง รักษามะเร็ง คุตทะราด เข่าข้อ

วิธีใช้และปริมาณที่ใช้
1.ลำต้นใต้ดิน (เหง้า) ใช้ยาแห้ง หนัก 3 -10 กิโลกรัม ต้มน้ำกิน ภายนอกใช้ตำพอก
2.ดอก ใช้ดอกแห้งหนัก 10-15 กรัม ต้มน้ำกิน ภายนอกใช้ดอกสดตำพอก

ตำรับยา
1.ประจำเดือนมาไม่หยุด ใช้เหง้ากับดอกเข็มตุ๋นร่วมกับไก่กิน
2.แก้ประจำเดือนมาไม่หยุด ตกขาว และปวดฟัน ใช้เหง้าแห้งผสมข้าวเหนียวตุ๋นกับไก่กิน
3.แก้โรคตับอักเสบเฉียบพลันทำให้ตัวเหลืองใช้เหง้าแห้งหนัก 15-30 กรัม (สดหนัก 60-90 กรัม) ต้มน้ำกินประมาณ 1 อาทิตย์จะเห็นผลตัวหายเหลือ
4.ดอกใช้ห้ามเลือดบาดแผลภายนอกใช้ดอกแห้งหนัก 10-15 กรัม ต้มน้ำกิน

ส้มตำ




ส้มตำ : เมนูขึ้นหึ้ง ใครๆ ก็ชอบ
ส้มตำอาหารจานโปรดของคนไทยและโด่งดังไปทั่วโลก ถึงขนาดฝรั่งตาน้ำข้าวอย่างซีเอ็นเอ็น ยกให้ส้มตำเป็น 1 ใน 50 อาหารที่อร่อยที่สุดในโลกประจำปี 2554 อีกด้วย เป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ มีเส้นใยหรือกากอาหารสูง เครื่องปรุงส่วนใหญ่ มะละกอ พืชผักสวนครัว ที่พลิกแพลงเครื่องปรุงตามชอบได้อย่างหลากหลาย ล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรที่เป็นยาดีต่อร่างกายทั้งนั้น ส้มตำจึงเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับการดูแลสุขภาพตนเองดีต่อคนทุกเพศทุกวัย